เด็ก LD ไม่ได้น่ากังวลอย่างที่คิด ถ้าคุณครูเข้าใจ
- เด็ก LD นั้น มีความบกพร่องจาก 3 ด้านหลัก ๆ คือ 1.ด้านการอ่าน 2.ด้านการเขียน 3.ด้านการคำนวณ
- อาการตามเกณฑ์การวินิจฉัย DSM-5 ของสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน คือ เด็กจะมีอาการอย่างน้อย 1 จาก 6 อาการ
- การช่วยเหลือดูแลแบบบูรณาการ จากความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือเด็ก ทั้งทางครอบครัว คุณครูโรงเรียนและทางการแพทย์เป็นสิ่งจำเป็น
เมื่อพูดถึงคำว่า เด็ก LD (Learning Disabilities) คุณครูหลายคนคงกังวลเรื่องการจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กเหล่านี้ไม่มากก็น้อย เพราะความพิเศษของเด็ก LD นั้น ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะเข้าถึงและเข้าใจกันได้ง่าย ๆ นั้นก็เพราะเด็ก LD นั้น มีความบกพร่องจาก 3 ด้านหลัก ๆ คือ 1.ด้านการอ่าน 2.ด้านการเขียน 3.ด้านการคำนวณ ซึ่งเด็ก ๆ อาจมีความบกพร่องเพียงด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายด้านก็ได้
คุณครูจะสามารถสังเกตอาการได้อย่างไร?
ตามเกณฑ์การวินิจฉัย DSM-5 ของสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน คือ มีความยากลำบากในการเรียนรู้ และทักษะที่ใช้ในการเรียน อย่างต่อเนื่องนานกว่า 6 เดือน แม้ว่าจะได้รับการแก้ไขมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งเด็กจะมีอาการอย่างน้อย 1 จาก 6 อาการ ดังนี้
1. อ่านช้าหรืออ่านไม่ถูกต้อง
2. ยากลำบากในการทำความเข้าใจความหมายของสิ่งที่อ่าน
3. ยากลำบากในการสะกดคำ
4. ยากลำบากในการเขียน
5. ยากลำบากในการจัดการกับจำนวน ตัวเลข และการคำนวณ
6. ยากลำบากในเหตุผลทางคณิตศาสตร์
มีแนวทางรักษาแก้ไข หรือดูแลหรือไม่?
เด็กที่เป็น LD สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนปกติทั่วไป ถ้าได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เมื่อโตขึ้นก็สามารถเข้าสังคมได้ หรือสามารถประกอบอาชีพได้เหมือนปกติ แต่บางคนอาจมีความยากลำบากในทักษะบางด้านอยู่บ้าง เช่น การอ่าน การเขียน หรือคณิตศาสตร์ ส่วนเด็กที่ไม่ได้รับการดูแลรักษานั้น มักสูญเสียความภาคภูมิใจ เนื่องจากความบกพร่องที่มีและไม่ได้รับการดูแลรักษาตามความเหมาะสม แต่เด็กเหล่านี้จะหันไปสนใจด้านอื่นทดแทน เช่น ถ้าเด็กมีทักษะดีในด้านดนตรี กีฬา หรือศิลปะ ก็อาจได้รับการยอมรับ เป็นต้น
เมื่อพูดถึงแนวทางการดูแลรักษา สำหรับในปัจจุบันนั้น เมื่อได้รับการยืนยันผลการตรวจวินิจฉัยว่าเป็น LD แล้ว คุณครูควรให้ความช่วยเหลือแบบบูรณาการ และมองปัญหาอย่างรอบด้าน โดยอาศัยความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือเด็ก ทั้งทางครอบครัว คุณครูโรงเรียนและทางการแพทย์ เช่น
ด้านครอบครัว เป็นบทบาทสำคัญมากที่สุด คนในครอบครัวต้องเข้าใจและควรปรับตัวให้เด็ก LD ไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาหรือสร้างปัญหาให้กับครอบครัว เด็กควรได้รับความช่วยเหลือมากกว่าคำตำหนิติเตียน คุณครูอาจมีส่วนช่วยเหลือครอบครัวของเด็ก LD ด้วยการให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ LD ให้กับผู้ปกครอง และผู้ปกครองก็ควรค้นคว้าหาข้อมูลความรู้ต่าง ๆ เพิ่มเติม ความเข้าใจในข้อจำกัดของเด็ก และให้มีทักษะเบื้องต้นเพื่อช่วยเหลือด้านการเรียนรู้สำหรับเด็ก คอยเสริมกำลังใจ ค้นหาจุดเด่นในด้านอื่น ๆ ชดเชยในจุดที่บกพร่อง
ด้านการเรียน สิ่งที่จำเป็นอันดับแรก คือ คุณครูอาจสอนเสริมพิเศษแบบตัวต่อตัว หรือกลุ่มเล็ก ๆ สำหรับเด็ก LD ที่มีความบกพร่องทางด้านทักษะนั้น ๆ เช่น หากเด็กมีความบกพร่องด้านการอ่านการเขียน คุณครูอาจหาหนังสือหรือสื่อสำหรับเด็ก LD มาฝึกฝน เพิ่มทักษะพร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลความเป็นไปของเด็กระหว่างคุณพ่อคุณแม่และคุณครูอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เข้าใจปัญหาและร่วมมือกันแก้ไข ถ้าไม่มีเวลาหรือโอกาสพบปะกันโดยตรง อาจใช้การเขียนในสมุดการบ้านของเด็กเพื่อให้ผู้ปกครองรับทราบ หรือมีสมุดไว้เขียนสื่อสารระหว่างกัน
เหล่านี้คือพื้นฐานที่ผู้ปกครอง คุณครู โรงเรียน รวมถึงแพทย์ ควรร่วมมือกันรักษา ดูแล ตามความบกพร่องของเด็ก LD เพื่อพัฒนาทักษะและศักยภาพของเด็ก ๆ ให้อยู่ร่วมในสังคมได้ไม่แตกต่าง หวังว่าบทความนี้อาจเป็นความรู้ให้กับคุณครูที่มีเด็ก ๆ ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษได้ไม่มากก็น้อย
แหล่งอ้างอิง https://www.aksorn.com/learning-disorder